การฉีดไหมน้ำ ถือเป็นอีกหนึ่งเทรนด์ความงามที่มาแรงในตอนนี้ เพราะช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแน่นกระชับ ดูอ่อนเยาว์ขึ้น เหมาะกับคนที่เริ่มมีปัญหาผิวหย่อนคล้อยหรือริ้วรอยเล็ก ๆ นิยมฉีดตามแก้ม กรอบหน้า หรือใต้ตา เพื่อให้ผิวดูอ่อนเยาว์และเรียบเนียนขึ้นอย่างเป็นธรรมชาติ
แล้ว “ไหมน้ำ” ที่ใคร ๆ พูดถึงกัน จริง ๆ แล้วคืออะไร? ดีอย่างที่เขาว่าหรือเปล่า ? และปลอดภัยหรือไม่ ? วันนี้กังนัมคลินิกจะพาคุณไปเจาะลึกทุกเรื่องเกี่ยวกับไหมน้ำ ก่อนตัดสินใจว่าไหมน้ำจะเป็นคำตอบที่ใช่สำหรับคุณหรือไม่!
ไหมน้ำ คืออะไร
ไหมน้ำ คือเทคนิคการฉีดเส้นไหมในรูปแบบใหม่ ที่เส้นไหมจะถูกทำให้อยู่ในลักษณะเจลคล้ายน้ำ เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวจึงกระจายตัวได้ดี ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ฟื้นฟูผิวให้กระชับ เต่งตึง และดูอ่อนกว่าวัย
ทำไมถึงเรียกว่า ไหมน้ำ
สาเหตุที่เรียกว่า “ไหมน้ำ” ก็เพราะสารที่นำมาใช้ ได้แก่ PLLA, PCI, PDO และ CAHA ซึ่งเป็นสารชนิดเดียวกับที่อยู่ในเส้นไหมสำหรับการร้อยไหมแบบดั้งเดิม แต่ถูกปรับให้อยู่ในรูปแบบของเหลวใสคล้ายน้ำ เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวจึงกระจายตัวได้ดี และให้ผลลัพธ์ใกล้เคียงกับการร้อยไหม แตกต่างจากการร้อยไหมแบบดั้งเดิมที่เป็นเส้นไหมจริง ๆ
จึงทำให้ฉีดได้ง่าย กระจายตัวดี และให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติมากขึ้นไหมน้ำ คือเทคนิคการฉีดเส้นไหมในรูปแบบใหม่ ที่เส้นไหมจะถูกทำให้อยู่ในลักษณะเจลคล้ายน้ำ เมื่อฉีดเข้าสู่ผิวจึงกระจายตัวได้ดี ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ฟื้นฟูผิวให้กระชับ เต่งตึง และดูอ่อนกว่าวัย
ไหมน้ำ มีทั้งหมดประเภท? ประเภทอะไรบ้าง
ไหมน้ำมี 4 ประเภท แต่ละชนิดก็มีคุณสมบัติและผลลัพธ์ที่แตกต่างกัน เหมาะกับปัญหาผิวที่ต่างกัน ดังนี้
- ไหมน้ำ PDO (Polydioxanone)
มีความยืดหยุ่นสูง ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในชั้นผิว และมีโอกาสแพ้หรือระคายเคืองต่ำ - ไหมน้ำ PCL (Polycaprolactone)
ยืดหยุ่นและคงทน กระตุ้นคอลลาเจนได้ดี เห็นผลลัพธ์ยาวนาน เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ระยะยาว - ไหมน้ำ PLLA (Poly-L-Lactic Acid)
สังเคราะห์จากพืช ปลอดภัย ลดโอกาสแพ้ ช่วยอุ้มน้ำและกระตุ้นคอลลาเจน ทำให้ผิวเรียบเนียน - ไหมน้ำ PDLLA (Poly D-L-Lactic Acid)
ลดอาการแพ้อักเสบได้ดี โมเลกุลใหญ่ช่วยยกกระชับผิว พร้อมกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวแน่นและอ่อนเยาว์
ไหมน้ำ ฉีดที่ตรงไหนได้บ้าง
การฉีดไหมน้ำสามารถปรับแก้ปัญหาผิวได้หลายจุดทั่วใบหน้า ขึ้นอยู่กับความต้องการของคนไข้และคำแนะนำจากแพทย์ โดยตำแหน่งนิยมฉีด ได้แก่
- ฉีดไหมน้ำที่ใต้ตา
ช่วยเติมเต็มร่องลึกใต้ตา ลดถุงใต้ตาและความคล้ำ ทำให้ดวงตาดูสดใสขึ้น - ฉีดไหมน้ำที่ร่องแก้ม
ช่วยยกกระชับร่องแก้มให้ตื้นขึ้น ลดความหย่อนคล้อย ทำให้ผิวเรียบเนียนและดูอ่อนเยาว์ - ฉีดไหมน้ำที่กรอบหน้า
ช่วยยกกรอบหน้าให้ชัดขึ้น ปรับรูปหน้าดูเรียวกระชับโดยไม่ต้องผ่าตัด - ฉีดไหมน้ำที่บริเวณหน้าผาก
ลดริ้วรอยและช่วยยกกระชับผิว ทำให้หน้าดูเรียบเนียนและสดใส - ฉีดไหมน้ำที่บริเวณคาง
ช่วยปรับรูปคางให้ได้สัดส่วนสวยงาม พร้อมยกผิวใต้คางให้ตึงกระชับ
ฉีดไหมน้ำ เจ็บไหม?
การฉีดไหมน้ำไม่ได้เจ็บมาก เพราะก่อนฉีดจะมีการใช้ยาชาเฉพาะจุด ทำให้รู้สึกแค่จี๊ด ๆ เบา ๆ จากเข็มเท่านั้น
ฉีดไหมน้ำ อยู่ได้นานหรือไม่?
ผลลัพธ์ของไหมน้ำอยู่ได้ประมาณ 6–24 เดือน ขึ้นอยู่กับชนิดของไหมและสภาพผิวของแต่ละคน แม้ไหมจะสลายตัวไปแล้ว แต่คอลลาเจนที่ถูกกระตุ้นไว้จะช่วยให้ผิวยังคงกระชับและเรียบเนียนต่อเนื่อง ทำให้เห็นผลลัพธ์แบบธรรมชาติและยาวนาน
ฉีดไหมน้ํา กี่วันจึงเห็นผล
หลังฉีดไหมน้ำ ผลลัพธ์จะเริ่มเห็นความเปลี่ยนแปลงได้ทันทีในเรื่องความกระชับและผิวเรียบเนียน แต่ผลลัพธ์ที่ชัดเจนที่สุดจะเห็นหลังผ่านไปประมาณ 1–2 สัปดาห์ เนื่องจากร่างกายเริ่มกระตุ้นการสร้างคอลลาเจนและฟื้นฟูผิวให้เต็มประสิทธิภาพ
ไหมน้ำมียี่ห้ออะไรบ้าง
ปัจจุบันการฉีดไหมน้ำมีหลายยี่ห้อให้เลือก ซึ่งแต่ละยี่ห้อก็มีจุดเด่นและคุณสมบัติแตกต่างกันไป มาดูกันว่าในไทยมีไหมน้ำยี่ห้อไหนที่ได้รับความนิยมบ้าง
ยี่ห้อไหมน้ำ | ชนิด / กลุ่มสาร | จุดเด่น |
Gouri | PCL (Polycaprolactone) | โมเลกุลสูง เห็นผลลัพธ์ภายใน 1–2 สัปดาห์ กระตุ้นคอลลาเจน ลดริ้วรอย ร่องลึก ปรับผิวให้กระชับ อิ่มฟู และอ่อนเยาว์ |
Sculptra | PLLA (Poly-L-Lactic Acid) | กระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ลดริ้วรอย ร่องลึก ฟื้นฟูผิวหมองคล้ำให้กระจ่างใส |
Ultracol | PDO (Polydioxanone) | ลดเลือนริ้วรอย เติมเต็มผิวให้ฉ่ำอิ่ม ปรับความหนาแน่นและความกระชับของผิว |
AestheFill | PDLLA (Poly D-L-Lactic Acid) | กระตุ้นคอลลาเจน ลดริ้วรอยและร่องลึก ปรับผิวให้เรียบเนียนและอ่อนเยาว์ |
Lenisna | PDLLA (Poly D-L-Lactic Acid) | เนื้อเหลวคงตัวดี ลดบาดแผลและการอักเสบ เพิ่มการสร้างคอลลาเจน ผิวอ่อนเยาว์เป็นธรรมชาติ ปลอดภัยได้รับรอง KFDA |
Juvelook | PDLLA (Poly D-L-Lactic Acid) | ไม่แสบผิว มี Hyaluronic Acid ช่วยเติมความชุ่มชื้น เติมเต็มริ้วรอย ร่องลึก และกระตุ้นคอลลาเจน |
Nano Lift | PCL (Polycaprolactone) | กระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวเต่งตึง อิ่มฟู กระชับเสมือนลิฟต์หน้า และปรับผิวให้กระจ่างใส |
ฉีดไหมน้ำยี่ห้อไหนดี? ต้องพิจารณาอะไรบ้าง
การเลือกยี่ห้อไหมน้ำไม่ได้ดูแค่ยี่ห้ออย่างเดียว เรามาดูกันว่าควรพิจารณาอะไรบ้าง เพื่อให้ได้ผลลัพธ์สวยและปลอดภัย
1. ชนิดของสารในไหมน้ำ
แต่ละยี่ห้อใช้สารต่างกัน เช่น PDO, PCL, PLLA หรือ PDLLA ซึ่งส่งผลต่อความยืดหยุ่น ระยะเวลาอยู่ได้นาน และผลลัพธ์ของผิว
2. ผลลัพธ์ที่ต้องการ
พิจารณาว่าต้องการยกกระชับ ลดริ้วรอย เติมเต็มร่องลึก หรือฟื้นฟูผิวโดยรวม เพื่อเลือกยี่ห้อที่เหมาะกับปัญหาผิวของคุณ
3. ความปลอดภัยและมาตรฐานการรับรอง
เลือกยี่ห้อที่ผ่านการรับรองจากองค์การอาหารและยา เช่น KFDA หรือ อย. เพื่อลดความเสี่ยงการแพ้หรืออักเสบ
4. คำแนะนำจากแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ปรึกษาแพทย์เพื่อประเมินสภาพผิวและเลือกยี่ห้อที่เหมาะสมกับผิวของคุณมากที่สุด
ฉีดไหมน้ำเหมาะกับใครบ้าง
- เหมาะกับผู้ที่มีผิวหย่อนคล้อย ต้องการยกกระชับใบหน้า
- เหมาะกับผู้ที่มีร่องแก้มลึกหรือริ้วรอยบนใบหน้า
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับรูปหน้าให้เรียวและกระชับขึ้น
- เหมาะกับผู้ที่มีผิวแห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น และต้องการให้ผิวอิ่มน้ำ
- เหมาะกับผู้ที่มีปัญหารูขุมขนกว้าง หลุมสิว หรือผิวไม่เรียบเนียน
- เหมาะกับผู้ที่มีผิวหมองคล้ำ ดูโทรม และต้องการผิวสดใส เปล่งปลั่ง
- เหมาะกับผู้ที่ต้องการผลลัพธ์ยาวนานโดยไม่ต้องผ่าตัด
ข้อดีของไหมน้ำ ช่วยเรื่องอะไรบ้าง
- ช่วยยกกระชับผิว ให้ใบหน้าเต่งตึง ดูอ่อนเยาว์
- ช่วยลดริ้วรอยและร่องลึก ในจุดที่ต้องการ
- ช่วยปรับโครงสร้างผิวให้แข็งแรงและเสริมเกราะป้องกันผิว
- ช่วยฟื้นฟูผิวให้ อิ่มฟู สุขภาพดี
- ช่วยกระตุ้นการสร้างคอลลาเจน ทำให้ผิวแน่นและผลลัพธ์อยู่ได้นาน
- สารในไหมน้ำ ปลอดภัยและสามารถสลายเองได้ โดยไม่ทิ้งสารตกค้าง
- เห็นผลลัพธ์ได้อย่างรวดเร็วและต่อเนื่อง
- ช่วยไม่ต้องพักฟื้นหรือกังวลเรื่องแผลเป็นหลังทำ
ข้อเสียของไหมน้ำ มีอะไรบ้าง
- อาจเกิด รอยช้ำหรือบวมเล็กน้อย หลังฉีด แต่จะหายได้เอง
- ผลลัพธ์ไม่เห็นทันที หลังทำต้องรอประมาณ 2–4 สัปดาห์ จึงจะเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง
- หากฉีดไม่ครบตามจำนวนเส้นที่แพทย์แนะนำ อาจทำให้ผลลัพธ์ไม่ชัดเจนหรือเห็นผลน้อย
- ผลลัพธ์ขึ้นอยู่กับ สภาพผิวและการดูแลหลังทำ อาจเห็นผลต่างกันในแต่ละคน
- หากฉีดไม่เหมาะกับผิวหรือฉีดเกินปริมาณ อาจทำให้ รูปหน้าไม่สมดุล
ฉีดไหมน้ำ อันตรายไหม
การฉีดไหมน้ำถือว่าปลอดภัย หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและใช้ไหมน้ำมาตรฐาน สารในไหมสามารถสลายตัวเองในร่างกายได้ ไม่ทิ้งสารตกค้าง ส่วนผลข้างเคียงเล็กน้อย เช่น รอยช้ำ บวม หรือระคายเคือง มักหายได้เองภายในไม่กี่วัน
การเตรียมก่อนฉีดไหมน้ำ
- งดทานยาและอาหารเสริม ที่กระตุ้นการไหลเวียนเลือด เช่น แปะก๊วย น้ำมันปลา วิตามินอี และยากลุ่ม NSAIDs
- งดดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 1 วันก่อนทำ
- พักผ่อนให้เพียงพอ เพื่อให้ผิวพร้อมรับการรักษา
- ปรึกษาแพทย์ล่วงหน้า แจ้งโรคประจำตัวและยาที่กำลังทาน
- งดฉีดไหมน้ำ หากกำลังตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
ขั้นตอนการฉีด (ยกตัวอย่าง การฉีดไหมน้ำ ที่กังนัมคลินิก)
- ทำความสะอาดผิวหน้าและแพทย์จะประเมินจุดที่ต้องการยกกระชับ
- ฉีดยาชาเพื่อให้รู้สึกสบาย ลดความเจ็บระหว่างทำ
- เริ่มฉีดไหมน้ำตามจุดที่กำหนด โดยใช้เทคนิคเฉพาะเพื่อยกกระชับและปรับรูปหน้า
- ปรับตำแหน่งไหมให้ได้ผลลัพธ์สมดุลและดูเป็นธรรมชาติ
- ตรวจสอบผลลัพธ์และให้คำแนะนำการดูแลหลังทำ
แนวทางการปฏิบัติตัวหลังฉีดไหมน้ำ มีอะไรบ้าง
- งดออกกำลังกายหนัก ประมาณ 1 สัปดาห์
- งดดื่มแอลกอฮอล์ อย่างน้อย 24 ชั่วโมงหลังทำ
- งดแต่งหน้า อย่างน้อย 24 ชั่วโมง เพื่อป้องกันการอักเสบหรือการติดเชื้อบริเวณรอยเข็ม
- ดื่มน้ำให้เพียงพอ อย่างน้อยวันละ 1.5 ลิตร
- ทาครีมบำรุงและครีมกันแดด เพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นและปกป้องผิวจากแสงแดดหรือแสงไฟ
- ติดตามคำแนะนำของแพทย์ อย่างเคร่งครัดเพื่อผลลัพธ์ที่สวยและปลอดภัย
อาการข้างเคียงของการฉีดไหมน้ำ มีอะไรบ้าง
- รอยช้ำหรือบวมเล็กน้อยบริเวณที่ฉีด ซึ่งมักหายเองภายใน 1–2 สัปดาห์
- อาการระคายเคืองหรือแดงบริเวณรอยเข็ม
- อาการเจ็บหรือตึงผิวเล็กน้อยหลังทำ สามารถบรรเทาได้ด้วยประคบเย็น
ใครบ้างไม่ควรฉีดไหมน้ำ
- ไม่เหมาะกับผู้ที่ตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร เนื่องจากอาจเสี่ยงต่อสุขภาพแม่และลูก
- ไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคเลือดผิดปกติ หรือใช้ยาละลายลิ่มเลือด/NSAIDs ซึ่งอาจทำให้เกิดรอยช้ำง่าย
- ไม่เหมาะกับผู้ที่แพ้สารในไหมน้ำ หรือมีประวัติแพ้ไหมชนิดต่าง ๆ
- ไม่เหมาะกับผู้ที่มีการติดเชื้อหรืออักเสบบริเวณผิวหน้า ในจุดที่จะฉีด
ฉีดไหมน้ำ ราคาเท่าไหร่
ราคาการฉีดไหมน้ำจะแตกต่างกันไปตามชนิดและจำนวนเส้นที่ใช้ โดยทั่วไปเริ่มต้นประมาณ 15,000–40,000 บาทต่อขวด ที่ กังนัมคลินิก ฉีดไหมน้ำ Sculptra โดยราคาเริ่มต้นเพียง 3,500 บาทต่อ CC
ฉีดไหมน้ำ ที่ไหนดี ? 5 ข้อเช็กลิสต์ก่อนตัดสินใจ
1. แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ
ต้องฉีดโดยแพทย์ที่มีประสบการณ์และความชำนาญสูง เพื่อผลลัพธ์ที่ปลอดภัยและเป็นธรรมชาติ
2. ใช้ไหมน้ำแท้และปลอดภัย
เลือกคลินิกที่ใช้ไหมน้ำของแท้ ผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยจาก อย.
3. คลินิกได้มาตรฐาน
เปิดให้บริการถูกต้องตามกฎหมาย มีอุปกรณ์สะอาดและปลอดภัย
4. ติดตามผลลัพธ์หลังทำ
คลินิกควรดูแลและติดตามผลอย่างใกล้ชิดหลังฉีด
5. ช่องทางการติดต่อสะดวก
สามารถสอบถามและติดต่อคลินิกได้ง่ายทุกช่องทาง
รีวิว ฉีดไหมน้ำ จากเคสจริง
5 เหตุผลที่หลาย ๆ คนเลือกฉีดไหมน้ำ ที่กังนัมคลินิก
- แพทย์ผู้เชี่ยวชาญและประสบการณ์สูง
ทุกการฉีดดำเนินการโดยแพทย์มืออาชีพ เพื่อความปลอดภัยและผลลัพธ์เป็นธรรมชาติ - ไหมน้ำแท้ ปลอดภัย มาตรฐาน อย.
ใช้เฉพาะไหมน้ำที่ผ่านการรับรองคุณภาพ ปลอดภัยต่อผิว และสลายได้เอง - คลินิกได้มาตรฐานและสะอาด
ให้บริการอย่างถูกต้องตามกฎหมาย มีอุปกรณ์และสภาพแวดล้อมสะอาด ปลอดภัย - ดูแลและติดตามผลหลังทำอย่างใกล้ชิด
แพทย์จะมีการนัดติดตามผลอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ได้ผลลัพธ์ที่ดีที่สุด - บริการสะดวก ติดต่อง่าย
มีช่องทางติดต่อหลากหลาย สอบถามข้อมูลหรือจองคิวได้ง่ายและรวดเร็ว
คำถามที่เราพบบ่อย
หลังฉีดไหมน้ํา บวมกี่วันคะ ?
หลังฉีดไหมน้ำ อาจมี บวมเล็กน้อยหรือรอยช้ำ ประมาณ 1–3 วันแรก ส่วนใหญ่จะค่อย ๆ ลดลงเองภายใน 1 สัปดาห์
ฉีดไหมน้ํา เสี่ยงทำให้ตาบอดหรือเปล่าคะ ?
การฉีดไหมน้ำ เสี่ยงทำให้ตาบอดน้อยมาก หากทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญและเลือกจุดฉีดอย่างถูกต้อง แต่ข้อสำคัญคือ ต้องเลือกคลินิกมีมาตรฐาน และไม่ฉีดบริเวณที่แพทย์ห้าม เพื่อความปลอดภัยสูงสุด
ไหมน้ำแตกต่างจากฟิลเลอร์ ยังไงครับ ?
ไหมน้ำจะเน้นยกกระชับและกระตุ้นคอลลาเจน ให้ผิวเด้งอิ่มฟูเป็นธรรมชาติ ส่วนฟิลเลอร์จะ เน้นเติมเต็มร่องลึกหรือปรับรูปหน้าเฉพาะจุด ผลลัพธ์ของไหมน้ำค่อย ๆ ชัดเจนและอยู่ได้นานขึ้น ในขณะที่ฟิลเลอร์เห็นผลทันทีแต่ต้องเติมซ้ำตามระยะเวลา
ต้องฉีดไหมน้ำบ่อยแค่ไหนถึงจะเริ่มผลคะ ?
ผลลัพธ์จากไหมน้ำจะ ค่อย ๆ ชัดเจนหลังฉีดประมาณ 2–4 สัปดาห์ เพราะต้องให้ผิวสร้างคอลลาเจนเอง ส่วนจำนวนครั้งขึ้นอยู่กับสภาพผิวและจุดที่ต้องการแก้ไข บางคนอาจเห็นผลชัดเจนเพียงครั้งเดียว แต่บางเคสอาจต้องเติมซ้ำเพื่อผลลัพธ์ที่ยาวนาน
ฉีดไหมน้ำสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่นได้หรือเปล่าคะ ?
ไหมน้ำสามารถทำร่วมกับหัตถการอื่น ๆ เช่น ฟิลเลอร์ เลเซอร์ หรือทรีตเมนต์ผิวต่าง ๆ ได้ แต่ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง เพื่อวางแผนอย่างเหมาะสมและลดความเสี่ยง ทำให้ผลลัพธ์ออกมาสวยและปลอดภัย
ฉีดไหมน้ำช่วยลดหลุมสิวได้ด้วย จริงไหมคะ ?
ไหมน้ำช่วย กระตุ้นคอลลาเจนใต้ผิว ทำให้ผิวแน่นขึ้นและหลุมสิวตื้นขึ้น แต่จะเห็นผลดีกับหลุมสิวตื้นถึงปานกลาง สำหรับหลุมสิวลึกอาจต้องทำร่วมกับทรีตเมนต์อื่น เช่น เลเซอร์หรือฟิลเลอร์ผิว
ไหมน้ำมีความแตกต่างจาก Skin Booster หรือไม่คะ ?
ไหมน้ำช่วย ยกกระชับและปรับโครงสร้างผิว ให้เด้งอิ่มฟู ส่วน Skin Booster เน้น เพิ่มความชุ่มชื้นลึกถึงผิวชั้นใน แต่ไม่ช่วยยกกระชับเท่าไหมน้ำ
เป็นผิวแพ้ง่ายสามารถฉีดไหมน้ำได้ไหมคะ ?
สามารถฉีดได้ แต่ต้องปรึกษาแพทย์ก่อนทุกครั้ง แพทย์จะประเมินผิวและเลือกไหมน้ำชนิดที่เหมาะสม รวมถึงวางแผนป้องกันการระคายเคือง เพื่อให้ผลลัพธ์ออกมาปลอดภัยและสวยเป็นธรรมชาติ
สำหรับใครที่อยากให้ผิว อิ่มฟู มีน้ำมีนวล หรืออยากแก้ปัญหาริ้วรอยเล็ก ๆ ร่วมกับการยกกระชับ กังนัมคลินิก มีบริการ ฉีดไหมน้ำ ช่วยยกกระชับ ปรับรูปหน้า และกระตุ้นคอลลาเจนให้ผิวแข็งแรง อิ่มน้ำ ดูเด้งเป็นธรรมชาติ ทุกขั้นตอนทำโดยแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ และใช้เครื่องมือมาตรฐานปลอดภัย เพื่อให้ผลลัพธ์สวยชัดและมั่นใจทุกครั้งที่เข้ารับบริการ
แหล่งอ้างอิงข้อมูลเกี่ยวกับไหมน้ำ
pubmed. Non-surgical facelift-by PDO threads and dermal filler: A case report
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/35298863/
healthline. Considering a Liquid Facelift? Facts You Need to Know First. Medically reviewed by Catherine Hannan, M.D. Written by Sian Ferguson on July 30, 2019
https://www.healthline.com/health/cosmetic-surgery/liquid-facelift
pubmed. The liquid facelift: First hands-on experience with facial water jet-assisted liposuction as an additive technique for rhytidectomy. a case series of 25 patients
https://pubmed.ncbi.nlm.nih.gov/29175136/
